Drill hole for agriculture

เจาะบาดาลเพื่อการเกษตร ทางเลือกใหม่สำหรับการใช้น้ำต้นทุนต่ำ

พื้นที่เพาะปลูกจำนวน 101.93 ล้านไร่ หรือคิดเป็น 78.24% ตั้งอยู่นอกเขตชลประทานจำเป็นต้องอาศัยน้ำฝน โดยการทางออก คือ การเจาะน้ำบาดาล เนื่องจากเป็นแหล่งน้ำที่ถูกพัฒนาขึ้นมา ให้ใช้ได้ง่าย มีค่าใช้จ่ายน้อยกว่าการทำระบบชลประทานทั้งระบบ สิ่งสำคัญช่วยแก้ปัญหาได้อย่างตรงจุดมากกว่าวิธีอื่น

โครงการน้ำบาดาลเพื่อการเกษตร คือ การคัดเลือกพื้นที่เจาะน้ำบาดาล ก่อนลงมือได้ศึกษาตั้งแต่ศักยภาพของพื้นที่ การขยายเขตไฟฟ้า รวมทั้งการมีส่วนร่วมของเกษตรกรซึ่งจะต้องเป็นผู้ดูแลระบบหลังโครงการเสร็จสิ้นต่อไป มุ่งเน้นการใช้น้ำเพื่อการเกษตร โดยเฉพาะการปลูกพืชหมุนเวียน และพืชอายุสั้น

วิธีคือขุดเจาะน้ำบาดาลระดับตื้น ซึ่งมีความลึกน้อยกว่า 30 เมตร พร้อมติดตั้งระบบให้เกษตรกรสามารถสูบน้ำนำไปใช้ได้เลย เริ่มจากลำปางกับอุบลราชธานี ส่วนบ่อน้ำลึกเกิน 30 เมตร เริ่มดำเนินการที่ นนทบุรี , นครสวรรค์ , อ่างทอง, อุทัยธานี , สิงห์บุรี , อยุธยา , ปทุมธานี , ชัยนาท , กาญจนบุรี และสุพรรณบุรี

แต่ก็มีปัญหา ตรงที่บางคนกังวลว่า การขุดน้ำบาดาลขึ้นมาใช้จะทำให้โลกเปลี่ยนไป แต่ความจริงแล้วการดึงน้ำบาดาลในโครงการนี้ไม่ร้ายแรงเหมือนอย่างกังวล เนื่องจากใช้หลักการสูบน้ำบาดาลอย่างปลอดภัย ซึ่งเรียกว่า Safe Yield โดยในแต่ละโครงการ จะมีการเจาะบ่อสังเกตการณ์เอาไว้ 1 บ่อ เพื่อตรวจระดับว่า มีการสูบขึ้นไปใช้มากจนเกินผิดปกติหรือเปล่า และทุกๆ เดือนก็จะมีเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบ ถ้าพบว่ามีการนำน้ำไปใช้อย่างผิดวัตถุประสงค์ เช่น เอาไปเลี้ยงปลา , ทำนาข้าว เป็นต้น ใช้เยอะจนไม่คำนึงถึงผลกระทบ ก็จะมีการว่ากล่าวตักเตือน และถ้ายังฝ่าฝืนก็จะตัดออกจากโครงการทันที เพราะมิฉะนั้นในปีต่อไปบ่อบาดาลก็อาจแห้ง ไม่สามารถดึงน้ำมาใช้ได้อย่างถาวร

โดยถ้าเป็นบ่อบาดาลที่มีความลึกเกิน 30 เมตร จะต้องมีการเจาะบ่อทั้งหมด 16 บ่อ สร้างหอถังปูน 8 หอถัง และในแต่ละหอถังจะต้องมีการกักน้ำจากบ่อบาดาล 2 บ่อ สาเหตุที่ต้องสร้างหอถังจำนวนมาก เพราต้องการให้แรงส่งน้ำเกิดขึ้นอย่างสม่ำเสมอทั่วถึงรัศมี 500 ไร่ ส่วนปากบ่อ ก็จะติดมิเตอร์วัดน้ำไว้ เพื่อตรวจสอบว่ามีจุดไหนหลุดรั่วเสียหายไปบ้าง จะได้เร่งซ่อมแซมแก้ไข รวมถึงน้ำที่จะส่งต่อไปให้เกษตรกรใช้ ก็จะมีการวางระบบท่อส่งน้ำไปยังแปลงของเกษตรกร โดยในแต่ละบ้านจะต้องติดตั้งมิเตอร์ด้วย เพื่อให้เกษตรกรจัดการค่าน้ำกันเอง เพื่อเป็นการสร้างความเข้มแข็งให้แก่กลุ่มเกษตรกร อีกทั้งยังตรวจสอบได้ว่าบ้านไหนใช้น้ำมากใช้น้อย ก็ต้องจ่ายค่าบำรุงตามที่ใช้จริง เพื่อความยุติธรรมต่อส่วนรวม

abocn-grower

ความหน้าสนใจของชาวไร่การเกษตรดีอย่างไรต่อชีวิตประจำวัน

ถ้าถามถึงเกี่ยวกับการกินหรือการเป็นอยู่นั้นคนไทยสมัยก่อนนั้นให้ความสนใจมากในเรื่องนี่เพราะว่าคนไทยสมัยก่อนนั้นมักจะใช้ความสามารถของตัวเองเพื่อในการทำมาหากินหรือเพื่อในการใช้ชีวิตให้อยู่ได้โดยที่ไม่ต้องพึ่งพาคนอื่นอิกแล้วแถมยังมีความเป็นอยู่ที่ดีแล้วยังสามารถแบ่งปันเพื่อนบ้านได้อิกด้วยแล้ววันนี้เราจะมาคุยและพูดถึงเกี่ยวกับ คำว่าเกษตรกันว่าความเป็นมานั้นเป็นยังไงและอะไรคือคำว่าเกษตร คำว่าเกษตรนั้นคือการเพราะปลูกพืชผักหรือการเลี้ยงปาเลี้ยงไก่หรือเลี้ยงสัตว์และอิกอย่างหนึ่งก็คือการทำไรทำนาหรือจะเอาแบบกว้างๆมันก็คือการทำอะไรก็ได้ที่ทำออกมาแล้วสามารถนำสิ่งของนั้นกลับมาแปลเปลี่ยนเป็นเงินได้นั้นเอง และถามว่าชาวเกษตรนั่นต้องทำอะไรบ้างเราจะมายกตัวอย่างเช่นการทำบ่อฟาร์มเลี้ยงปาอย่างแรกที่เราต้องทำก็คือในหนึ่งวันนั้นสิ่งแลกคือตื่นเช้าขึ้นมานั้นเราต้องหมั่นดูนำว่าใสและสะอาดหรือไม่ถ้าไม่เราก็ต้องหาสาเหตุและวิธีแก้ไขแล้วสิงเลยเราต้องให้อาหารที่ทำให้ปลาที่เราเลี้ยงนั้นโตแล้มีเนื้อที่ใหญ่และเหมาะแก่การส่งออกไปขายยังท้องตลาดนั้นเองและถ้าถามว่าการเกษตรนั้นเราสามารถบอกอิกได้เลยว่ามันคืออาชีพที่สามารถเลี้ยงตัวเองได้โดยที่เราไม่ต้องออกไปทำงานที่ไหนหรือทำงานนอกบ้านนั่นเองงานที่ทำนั้นก็นั้นไปจำพวกของที่เรานั้นทำได้ง่ายและมีต้นทุนที่ไมแพงมากจนเกินไปแล้วสิ่งที่ชาวเกษตรหรือชาวไร่ชาวสวนนั้นต้องการก็คือความอยู่ด้วยมือเท้าของตัวเองเดินได้ด้วยตัวเองและเป็นนายของตัวเองนั่นเองอาชีพเกษตรกรและตอนนี้คนไทยกว่าสี่สิบเปอร์เซนนั้นก็ทำการเกษตรอิกด้วยและประเทศไทยก็เป็นพื้นที่ ที่ทำงานเกี่ยวกับการเกษตรมากและเยอะที่สุดในประชาคมอาเซี่ยนอิกด้วย

Vegetable-Garden-s

7 เทคนิคการปลูกผักสวนครัว ตามแบบฉบับเกษตรกรรม

ในปัจจุบัน การสร้างและทำสวนในบ้าน จัดเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่หลายคนให้ความสนใจ ไม่ว่าจะเป็นสวนดอกไม้หรือจะเป็นสวนผักต่างๆ ที่สามารถให้ประโยชน์ได้อย่างมากมาย ซึ่งในการจัดทำสวนแล้วนั้น เชื่อว่าหลายคนต้อวงมีการคิดและวางแผนความต้องการของสวน ที่อยากจะให้เป็นกันอยู่แล้ว แต่การลงมือทำนั้น บางทีก็ไม่สามารถทำได้ให้เป็นอย่างใจคิด ความเหตุผลต่างๆ มากมาย ซึ่งในวันนี้ ผมจะขอมาแนะนำ 7 วิธีการปลูกผักสวนครัว ให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีในแบบอย่างเกษตรกรรม ฉบับที่ว่าดีแน่นอน 100% เลยทีเดียว ซึ่งต้องบอกก่อนเลยว่า ทั้ง 7 ขั้นตอนนี้ จะเป็นขั้นตอนที่สามารถทำได้ง่าย และมีผลลัพธ์ที่ดี เพียงทำดังนี้

1.ปลูกให้น้อยชนิด เน้นผลผลิต

การปลูกผักมากหลากหลายชนิด จะทำให้ต้องวุ่นวายกับการดูแลแต่ละชนิดที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งถ้าทำไม่ได้สุดท้ายผักทั้งหมดก็เฉาตายไปอีก จึงควรเลือกแค่ 2-3 ชนิดก็พอ ปลูกน้อยๆ แต่เน้นผลผลิต จึงควรเลือกปลูกพืชที่ทางบ้านกินบ่อยๆ

2.อย่าปลูกเยอะจนเกินไป

ในการปลูกควรที่จะแบ่งพื้นที่ให้เหมาะสม ไม่ให้เบียดกันมากจนเกินไป เพราะมันจะทำให้พืชผักที่ปลูกนั้นแย่งอากาศและน้ำซึ่งกันและกัน จนตายไปในที่สุด

3.จัดตารางรดน้ำให้เหมาะสม

เป็นการจัดเวลาในการรดน้ำต้นไม้ เพื่อไม่ให้พืชที่ปลูกเฉาตาย ซึ่งในหน้าฝน เราสามารถที่จะกักเก็บน้ำฝนได้ เพื่อนำมาใช้ในการรดน้ำต้นไม้

4.ปลูกข้ามฤดู เพื่อผลผลิตที่ดี

อย่าหลงดีใจว่าจะสามารถทำได้ทุกชนิด เพราะมีเพียงบางพืชเท่านั้นที่สามารถปลูกข้ามฤดู เช่น บล็อกโคลี , หอมใหญ่ , มะเขือเทศ ที่เป็นผักประจำฤดูฝน แต่ก็สามาระนำมาปลูกในฤดูหนาวได้เช่นกัน

5.สร้างรั้วล้อมผัก

เป็นการป้องกันไม่ให้ศัตรูพืช เข้ามาในพื้นที่สวนผักของเรา

6.จดบันทึกข้อมูล

ใช้เทคนิคเดียวกับการจดความเปลี่ยนแปลงของการปลูกถั่วเขียวให้กลายเป็นถั่วงอก โดยการเก็บข้อมูล ช่วงเวลา ชนิด วิธีการปลูก การเจริญเติบโต หรือจำนวนผลผลิต เพื่อหาข้อแก้ไขปรับปรุงในการปลูกครั้งต่อๆ ไป

7.ปลูกในช่วงเวลาที่เหมาะสม

ในการปลูกผักสวนครัวนั้น จะมาหวังรอกินเลย คงเป็นไปไม่ได้แน่นอน ผู้ที่ต้องการปลูกผักสวนครัวต้องศึกษาถึงผักหรือพืชที่จะปลูกให้ดี ว่าควรที่จะปลูกในเวลาอะไร ฤดูกาลใด เพื่อผลผลิตที่ดี สามารถกินได้ตามฤดูกาล

ฤดูร้อน ต้องหาพืชที่ทนทานต่อความแห้งแล้งได้ เช่น มะระ , บวบ , ผักชี , ผักกาดขาว , ถั่วพู , ฟักทอง , ข้าวโพดหวาน เป็นต้น

ฤดูฝน (ตอนต้น) ควรปลูกพริก , ผักบุ้ง , มะเขือ , กระเจี๊ยบเขียว , บวบ , มะระ , แตงกวา น้ำเต้า เป็นต้น

ฤดูฝน (ตอนปลาย) ถือเป็นช่วงปลายฝนต้นหนาว สิ่งที่ควรปลูกคือ ถั่วลันเตา , แครอท , หอมใหญ่ , มะเขือเทศ , ขึ้นฉ่าย , กะหล่ำปลี เป็นต้น

ฤดูหนาว ควรปลูกบล็อกโคลี , แครอท , หอมหัวใหญ่ , ผักกาดขาว , ถั่วพู , ผักกาดหอม เป็นต้น

ซึ่งทั้งหมดนี้ก็เป็นเพียงเทคนิคเล็กๆ น้อยๆ ที่ทาง http://www.sbobetonline24.com ต้องการนำมาให้ได้อ่าน เพื่อเพิ่มความรู้ในต่อๆ ไป

abocn-Sprouts

การปลูกถั่วงอกให้ขาวอวบน่ารับทานปลอดสารพิษทำได้เองสามารถขายได้อีกด้วย

การปลูกถั่วงอกนั้นมันไม่ใช้เรื่องง่ายเลยหากเราไม่รู้วิธีและมีอุปกรณ์ที่ครบครันนั้นก็จะทำให้ได้ถั่วงอกไม่เป็นอย่างที่ต้องการ ทั้งนี้ยังต้องดูแลเอาใจใส่ให้มากอีกด้วยเพราะถั่วงอกนั้นปลูกได้เร็วใช้เวลาน้อย เพียงแค่ 3-4 วันเท่านั้นก็ได้ถั่วงอกที่น่ารับประทานแถมยังปลอดสารอีกด้วยเพราะเราเป็นคนปลูกเองกับมือ ดังนั้นเรามาดูวิธีการปลูกที่ดีและเห็นผลกันเลยดีกว่าครับ เรามาดูในเรื่องของอุปกรณ์กันก่อนเลยครับ

– ใช้พาชนะอะไรก็ได้ที่สามารถเอาไว้ปลูกถั่วงอกได้ เช่น ถ้าหากเราต้องการปลูกแค่ใช้ทำเป็นอาหารทานเองในครัวเรือนก็ใช้เป็นกาละมังก็ได้ หรือ ถ้าจะปลูกเพื่อเอาไปขาย ก็ใช้เป็นบ่อปูนซีเมนต์ขนาดใหญ่ๆก็ได้เช่นกัน

– กระสอบป่าน หรือ ผ้าอะไรก็ได้ที่สามารถซับน้ำได้ดี แต่ที่อยากแนะน้ำให้ใช้กระสอบป่านจะดีที่สุด

– ตะแกรง ตะแกรงควรใช้เป็นตะแกรงเหล็กที่มีขาตั้งได้สูงขึ้นจากพื้นประมาณ 1 นิ้ว

– ตะแกรงพลาสติก ตะแกรงพลาสติก ที่มีรูไม่หางกันมากประมาณ 3 mm.

เราจะเริ่มวิธีการปลูกถั่วงอกดังนี้

– ให้เอาถั่วเขียวแช่น้ำอุ่นไว้ประมาณ 6-8 ชั่วโมง ห้ามแช่น้ำนานเกินไปเพราจะทำให้ถั่วเขียวนั้นฟ่อได้หรือไม่สมบูรณ์

2 นำตะแกรงเหล็กวางลงไปวางในบ่อปูนโดยที่ตะแกรงเหล็กสามารถวางได้ทั่วทั้งบ่อ ถ้าเป็นกาลังมังก็ทำเช่นเดียวกัน

3 จากนั้นให้เอาตะแกรงพลาสติกที่ตัดจนได้ขนาดเดียวกับบ่อปูนซีเมนต์แล้ววางลงไปทับกับตะแกรงเหล็กอีกที

4 นำกระสอบป่านที่ตัดจนได้ขนาดเดียวกับบ่อปูนซีเมนต์วางบนตะแกรงอีกชั้น

5 โรยเมล็ดถั่วเขียวที่แช่น้ำไว้ครบชั่วโมงแล้วโรยลงไปที่พื้นของกระสอบป่าน โดยให้โรยจนทั่วของกระสอบป่านให้มีความหนาของเมล็ดถั่วเขียวสัก 2 ชั้นซ้อนกัน และทำตามขั้นตอนที่ 1-4 และ 5 ไปเรื่อยๆจนกว่าจะครบ 5 ชั้น หรือตามจำนวนชั้นที่เราต้องการ

ข้อควรระวังคือ ควรรดน้ำบ่อยๆ โดยเฉลี่ยแล้ว 5 ครั้งต่อ 1 วัน โดยระยะห่าง 3 ชั่วโมงต่อ 1 ครั้ง ทำมาจนถึงวันที่ 3 ก็จะสามารถนำถั่วงอกมารับประทานหรือขายได้แล้ว เราก็จะได้ถั่วงอกที่ทั้งขาวทั้งอวบและสดปลอดสารพิษอีกด้วย

abocn-DSC08282

แตงโมรูปหัวใจกับความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ของเกษตรกร

ใครจะไปเชื่อละครับว่าแตงโมโดยทั่วไปนั้นที่มีลูกเป็นรูปลูกทรงกลมๆนั้นจะสามารถกลายมาเป็นแตงโมรูปหัวใจน่ารักฟุ้งฟิงมุ้งมิงได้ เพราะการปลูกแตงโมเพื่อให้ได้ผลผลิตหรือให้ออกผลเก็บได้นั้นก็ว่ายากแล้ว เนื่องจากแตงโมเป็นผลไม้ที่ต้องคอยดูแลเอาใจใส่เป็นอย่างมากที่สำคัญถ้าอยากให้แตงโมมีรสชาติที่หวานกรอบก็ยิ่งยากเข้าไปใหญ่
แต่ก็ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้ถ้าหากตั้งใจทำอย่างจัง ซึ่งนาย ฮิโรชิ คิมูระ เป็นคนประเทศญี่ปุ่นได้ศึกษาข้อมูลและหาความรู้มาเป็นเวลานาน ด้วยที่ว่าไม่ใช่เป็นเพราะความบังเอิญแน่ๆที่ทำให้แตงโมของเขานั้นเป็นรูปหัวใจได้ เพราะเขาได้ทดลองการทำแตงโมรูปหัวใจมาแล้วหลายต่อหลายครั้ง ซึ่งในแต่ละครั้งก็จะประสบพบเจอกับปัญหาเป็นอย่างมากเขาจึงได้เจาะลึกและแก้ไขสิ่งที่ผิดพลาดนั้นไปเรื่อยๆจนทำให้เขาประสบความสำเร็จ เขาบอกว่าปัญหาส่วนใหญ่จะเป็นในเรื่องที่เกี่ยวกับดิน และอากาศ เพราะเขาใช้บล็อกเป็นแม่พิมพ์รูปหัวใจโดยการบล็อกพิมพ์นั้นจะทำให้อากาศไม่ถ่ายเทและถ้าปลูกในที่ที่มีดินไม่เหมาะสมหรือไม่มีคุณภาพนั้นก็จะทำให้ลูกทรงโตไม่ได้ตามที่ต้องการหรือรูปทรงที่ผิดเพี้ยนไปไม่เป็นไปตามบล็อกพิมพ์นั้นๆ ทั้งนี้เมื่อเขาได้ทราบถึงปัญหา เขาก็ได้มีการแก้ไขจนทำให้ตัวเขาได้ประสบกับความสำเร็จ เขาได้เลือกใช้ที่ดินในการปลูกที่มีความสมบูรณ์และควรคุมการให้น้ำแบบเหมาะสม และยังสามารถควบคุมในเรื่องของอากาศอีกด้วย ในเรื่องของการควบคุมของอากาศนั้นเขาได้ควบคุมทั้งอากาศที่จะมาสัมผัสกับต้นของแตงโมโดยตรงด้วยการสร้างเป็นโรงเรือนโดยให้อากาศภายนอกเข้ามาได้แค่พอประมาณ และยังควบคุมอาการให้กับลูกของแตงโมอีกด้วย โดยการใช้บล็อกพิมพ์ที่สั่งทำมาโดยเฉพาะในการทำลูกแตงโมให้เป็นรูปหัวใจและมีรูระบายอาการในตัวซึ่งจะทำให้ลูกแตงโมที่ได้นั้นมีรูปทรงที่เป็นไปตามบล็อกพิมพ์รูปหัวใจและโตได้เต็มที่ ผลลัพธ์ที่ได้ก็จะได้ลูกแตงโมที่แก่เต็มที่มีรูปทรงรูปหัวใจ มีเปลือกที่สะอาดสีเขียวเข้ม และมีรสชาติที่ดีเยี่ยม ซึ่งเกษตรกรชาวญี่ปุ่นท่านนี้ที่ได้ประสบความสำเร็จ ได้กล่าวไว้ว่าการที่จะประสบผลสำเร็จได้นั้น 1.ต้องมีใจรัก รักในสิ่งที่ทำ 2.ต้องใส่ใจ 3.ต้องอดทน 4.ควรศึกษาหาความรู้ตลอดเวลา เพียงเท่านี้คุณก็จะประสบความสำเร็จในชีวิตได้ครับ

abocn-tThai-Young-Coconut

ขั้นตอนสู้ความสำเร็จของเกษตรกรชาวสวนมะพร้าวน้ำหอม

ก่อนอื่นเรามาดูตั้งแต่ขั้นตอนแรกๆกันเลยครับ ขั้นตอนแรกเราต้องเลือกหาต้นกล้ามะพร้าวน้าหอมที่มีความสมบูรณ์และแข็งแรง โดยจะไปหาซื้อตามพื้นที่ที่เพราะปลูกต้นกล้าโดยเฉพาะ ความสมบูรณ์ของต้นกล้ามะพร้าวน้ำหอมนั้นจะมีราคาแตกต่างกันไปตามความเหมาะสม เช่น ต้นกล้าเกรด A จะมีราคาต่อต้นละ 15 บาท ส่วนเกรด B ต้นละ 14 บาท เกรด C 13 บาท เป็นต้น จากนั้นก็เลือกจำนวนต้นตามที่จะปลูกในพื้นที่ที่มีอยู่ เช่น มีที่อยู่ 1 ไร่ จะสามารถปลูกต้นมะพร้าวได้ 270 ต้น โดยทั่วไปจะปลูกในระยะห่าง 2×3 เมตร หรือจะปลูก 2×2 เมตร ต่อไร่ก็ได้จะได้ไร่ละ 400 ต้น โดยประมาณ พอได้จำนวนต้นกล้าตามที่ต้องการแล้ว ก่อนอื่นเราต้อง ไถแปร พรวนดิน ให้มีร่องหรือรางน้ำเอาไว้ปล่อยน้ำให้อยู่ในสวนเพื่อเอาน้ำไว้ใช้รดน้ำต้นมะพร้าวนั้นเอง พอได้ร่องสวนแล้วจากนั้นก็จะถึงขั้นตอนขุดดินตามระยะที่เราได้กำหนดไว้เพื่อที่จะนำต้นกล้าลงไปปลูก พอขุดดินเสร็จแล้วก็จะถึงขั้นตอนการนำต้นกล้ามะพร้าวน้ำหอมลงไปปลูกแล้วกลบดินให้เสร็จสมบูรณ์ จากนั้นก็ควรที่จะลดน้ำโดยประมาณ 4 ครั้ง ต่อ 1สัปดาห์ และควรเลือกใส่ปุ๋ยที่มีสูตรที่เหมาะกับมะพร้าในปีนั้นๆ เช่น มะพร้าวปีแรกๆ จะใช้ปุ๋ยสูตร 8-24-24 /20-8-20 โดยจะใช้ต้นละประมาณ 1 กิโลกรัม เพื่อเป็นการฟื้นฟูหรือเป็นสูตรปรับสภาพดิน ชาวสวนบางรายก็มีสูตรการดูแลรักษาที่แตกต่างกันออกไป บางก็ว่าใส่ขี้ค้างคาวจะทำให้ออกผลได้ดก บางก็ว่าให้ใช้ขี้วัว บางก็ให้ใส่เกลือจะทำให้น้ำของมะพร้าวมีรสชาติหวานหรือรสชาติดี

โดยหลังจากปลูกต้นกล้ามะพร้าวน้ำหอมนั้นจะสามารถออกผลหลังจากนั้น 3-4 ปีในปีที่ 5 จะออกได้เยอะมาก ถือว่าเป็นปีที่ออกผลผลิตได้อย่างเต็มตัว มะพร้าวที่โตเต็มที่แล้วจะสามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ 20 นับจากการตัดของชุดที่แล้ว ดังนั้น มะพร้าวจะเก็บได้โดยที่มีเวลาหากกันแค่ 20 วันเท่านั้น ยิ่งทุกวันนี้มะพร้าวน้ำหอมได้เป็นผลไม้ที่เป็นที่ต้องการเป็นอย่างมาก ชาวสวนส่วนใหญ่จะไม่ขาดทุนกับการทำสวนมะพร้าว แต่ในทางกับกันถ้าสวนไหนออกในช่วงที่ราคาดี ก็จะสามารถทำกำไรได้มากมายมหาศาลเลยที่เดียว บางครั้งชาวสวนเคยได้ราคาสูงถึง ลูกละ 20 บาทจากสวนกันเลยทีเดียว ถือได้ว่าเป็นความสำเร็จของเกษตรกรกันก็ว่าได้

abocn-cantaloupe

เกษตรพารวย ช่องทางรวยของการทำเกษตร

ไม่ว่าจะเป็นการปลูกพืชผักสวนครัวหรือแม้จะเป็นผลไม้ ก็สามารถรวยได้ถ้าเราตั้งใจทำ ศึกษา ดูแลเอาใส่ใจในทุกๆเรื่องของการทำการเกษตร เราจะมาดูความสำเร็จของการปลูกผลไม้ ให้ประสบผลสำเร็จและมีรายได้ดีจากการทำเกษตรกันเลยดีกว่าครับ ผลไม้ชนิดนี้มาแรงมากในช่วง3-4ปีที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบันมีคนนิยมรับประทานเป็นจำนวนมาก และ เป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลาย นั้นก็คือ เมลอนญี่ปุ่น เมลอนญี่ปุ่น เป็นผลไม้ชนิดเดียวกันกับ ผลไม้พวกกระกูลแตง เช่น แตงโม แตงไท แคนตาลูป เป็นต้น

เมลอนญี่ปุ่นเป็นผลไม้ที่มีรสชาติหวาน นุ่ม หอม และ มีหลากหลายสีสัน เช่น สีเขียวอ่อน สีขาว สีครีม สีส้มเหลือ และด้วยที่ผลไม้ชนิดนี้มีความหอมเป็นอย่างมากจึงได้นำไปแปรรูปต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นน้ำเมลอน นมเปรี้ยวกลิ่นเมลอน น้ำหวานกลิ่นเมลอน ไอศกรีมกลิ่นเมลอนต่างๆ จึงเป็นที่นิยมมากทางการตลาด ทั้งนี้เมลอนมีราคาสูงพอสมควร เนื่องจากต้องเอาใจใส่ดูแลรักษาเพราะ เมลอนเป็นพืชที่ไม่แข็งแรง อ่อนแอ ตายง่าย ไม่ทนต่อสภาพแวดล้อมอากาศต่าง แดดร้อนเกินไปก็ไม่ได้ น้ำเยอะเกินไปก็ไม่ได้ แต่ก็มีข้อดีเหมือนกันนะ

ข้อดีที่ 1 คือ ใช้ระยะเวลาในการปลูกสั้นหรือให้ผลผลิตที่เร็ว ซึ่งจะใช้ระยะเวลาในการปลูกเพียงแค่ 65 วัน เท่านั้นเอง และอีก 1 ข้อดี

คือเรื่องของราคาทางการตลาดที่ดี บางที่ราคาจะตกอยู่ที่ กิโลกรัมละ20-30 บาท แต่บางที่และบางช่วงเวลาที่ต้องการของตลาด ราคาอาจจะสูงขึ้นถึง กิโลกรัมละ 100-150 กันเลยทีเดียว

เพราะแบบนี้นี่เองชาวเกษตรกรที่ทำการเกษตรปลูกเมลอนส่วนใหญ่จะมีรายที่ดี เร็ว และคุ้มค่า เกษตรกรบางคนที่พึ่งจะปลูกเมลอนโดยที่พึ่งจะติดลูกติดผล แต่ก็มีพ่อค้าคนกลางมาจับจองติดต่อซื้อขายกันก่อนหน้าที่จะถึงเวลาเก็บเกี่ยวผลผลิตแล้วก็มี ทั้งนี้การปลูกเมลอนที่ดีควรดูแลเอาใจใส่ให้มากๆและจะประสบผลสำเร็จเมื่อกับเกษตรรายอื่นๆนั้นเอง

abocn-equipment

วิธีใช้และวิธีเก็บอุปกรณ์การเกษตรทั่วไป

อุปกรณ์การเกษตรมีด้วยกันหลากหลายชนิดและมีคุณลักษณะประโยชน์ในการใช้งานและการเก็บรักษาที่แตกต่างกันออกไป เช่น มีด มีมีด้วยกันหลายชิดมากไม่ว่าจะเป็น มีดที่เอาไว้สำหรับทำอาหาร มีดที่เอาไว้ปลอกผลไม้ มีดดายหญ้า มีดตัดกิ่งไม้หรือต้นไม้ มีดในการใช้กับการเกษตรนั้นเราจะยกตัวอย่างที่แตกต่างกันออกไป 2 แบบคือ มีดดายหญ้าและก็มีดตักกิ่งไม้ ลักษณะที่เหมาะสมของมีดดายหญ้าคือ ต้องมีขนาดยาว เบา บาง คม ลักษณะที่บอกมานั้นเหมะสมที่สุดในการใช้ดายหญ้าที่สุดแล้ว เพราะมีดยาว จะสามารถดายหญ้าได้ทีละมากๆ มาถึงความเบา ความเบาของมีดจะทำให้ลดแรงต้าน ลดน้ำหลัง และสามารถเบาแรงคนใช้งานได้อีกด้วย ส่วนความบางและคม ความบางและคมนั้นจะสามารถทำให้คนที่ใช้งานลดแรงเสียดทานและและแรงโน้มถ่วงได้ ที่ว่ามาทั้งหมดนี้เป็นคุณลักษณะของมีดดายหญ้า

มาถึงมีดที่ใช้สำหรับการตัดต้นไม้กันบ้าง มีดที่เอาไว้ตัดต้นไม้หรือกิ่งไม้ก็มีด้วยกันหลากหลายแบบแยกออกกันไปได้อีก แต่เรามาดูคุณลักษณะของมีดตัดต้นไม้ที่เหมาะสมที่สุดกันดีว่าครับมีดสำหรับการตัดต้นไม้หรือกิ่งไม้นี้ ควรเป็นมีดที่มีความหนา คม หนักพอสมควร และความยาวที่สมดุลกับผู้ใช้เพราะความยาวที่สมดุลนั้นจะช่วยทำให้การตัดต้นไม้หรือกิ่งไม้ได้สัมพันธ์กับผู้ใช้ มีดตัดต้นไม้หากไม่มีน้ำหนักมากพอก็อาจจะทำให้เราใช้แรงมากจนเกินไปและอาจจะไม้ได้ผลลัพธ์ที่ดีนักกับการใช้งาน

เรามาดูวิธีการดูแลรักษากันบ้างดีกว่าครับ มีดควรดูแลหลังใช้งานทุกครั้ง

1 ควรล้างให้สะอาด

2 เช็ดให้แห้ง

3 ทาน้ำมันหรือน้ำยาเพื่อกันสนิม

ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์ใดๆในการเกษตร ทุกอย่างล้วนแล้วมีมีวิธีใช้และวิธีเก็บรักษาที่แตกต่างกันออกไป เราควรใส่ใจในการดูแลรักษาของอุปกรณ์นั้นๆไม่ว่าจะเป็นที่เก็บอุปกรณ์ หากเราเก็บเป็นที่เป็นทางเป็นระเบียบแล้ว การใช้งานในครั้งต่อไปก็จะหาง่ายขึ้นและควรเก็บไว้ในที่ที่มิดชิดพ้นจากมือของเด็กๆทั้งหลาย

abocn-orchid

เคล็ดไม่ลับในการดูแลกล้วยไม้ให้สวยและสมบูรณ์ ของเกษตรกร

หากอยากได้กล้วยไม้ที่ดูดี ดูสวยได้นานๆนั้น คงจะต้องไปซื้อกล้วยไม้ที่สมบูรณ์และแข็งแรงหรือไม่ก็ไปซื้อกล้วยไม้ที่มีดอกหรือต้นที่สวยอยู่แล้ว แต่จะรู้หรือไม่ว่าต่อให้เราซื้อกล้วยไม้มาสวยมากสักแค่ไหนกล้วยไม้จะอยู่สวยให้เราเชยชมได้ไม่นานหากเราไม่ดูแลเอาใจใส่ นอกจากการดูแลเอาใจใส่แล้วเราควรรู้ด้วยว่าสาเหตุที่ทำให้กล้วยไม้ของเรานั้นไม่สวยเหมือนตอนแรกที่ซื้อมาหรือไม่ยอมโต โตช้า หรือกล้วยไม้บางคนตายได้เกิดจากอะไร อะไรที่ที่เป็นปัจจัยสำคัญ เพราะฉะนั้นเราต้องมาทำความรู้จักกับกล้วยไม้ให้มากขึ้นว่า กล้วยไม้ของเราเขาต้องการอะไร อย่างไรก็ตามอย่างที่ได้บอกไปที่ข้างต้นแล้วว่า กล้วยไม้ต้องการการเอาใจใส่ครับ

บางคนคงมีความเชื่อที่ว่ากล้วยไม้ไม่ชอบน้ำจึงไม่ควรรดน้ำบ่อยๆหรืออาจจะไม่ต้องรดน้ำเลยก็ได้ ขอบอกเลยนะครับว่าเป็นความเชื่อที่ผิดผิด เนื่องจากบางคนคงคิกว่ากล้วยไม้งามที่อยู่ตามป่าตามเขานั้นมีความสวยและต้นดูแข็งแรงโยไม่ต้องรดน้ำ แต่ความจริงแล้วกล้วยไม้ที่อยู่ตามป่าตามเขานั้น จะมีความชุมชื่นของเมฆและหมอกรวมไปถึงน้ำค้างตอนเช้ามืดในแต่ละวัน และอีกหนึ่งเรื่องที่เราควรรู้นั้นก็คือเรื่องของน้ำ น้ำที่ใช้ในการรดกล้วยไม้ถ้าเป็นน้ำคลองน้ำที่มาจากธรรมชาติก็จะไม่มีผลอะไรกลับกล้วยไม้ แต่ถ้าเราใช้น้ำประปาในการรดน้ำ ก็ไม่แปลกใจอะไรเลยที่จะทำให้กล้วยไม้ของเรานั้นไม่เจริญเติบโตอย่างที่คิด เพราะน้ำประปานั้นเต็มไปด้วยหินปูนและคลอรีนบ่อยๆ ในช่วงระยะแรกๆจะไม่เกิดผลอะไร แต่เมื่อเรารดน้ำประปาไปทุกวันๆก็จะทำให้หินปูนไปสะสมในลำต้นของกล้วยไม้จึงทำให้กล้วยไม้ไม่เจริญเติบโตนั้นเอง

ดังนั้นถ้าหากเราอยากปลูกกล้วยไม้หรือเลี้ยงกล้วยไม้ให้สวยได้ดังใจเรานั้น มีวิธีง่ายๆดังนี้หนึ่งควรรู้วิธีการปลูกของชนิดกล้วยไม้นั้นๆ ให้เหมาะสมกับชนิดพันธุ์ ตัวอย่างเช่น รองเท้านารี เครื่องปลูกต้องเป็นอิฐ ถ่าน มอญ หรือทรายที่ผสมกัน โดยไม่ใช่ดินล้วน ต่อมาคือการใส่ปุ๋ย ควรใส่ปุ๋ยทุกๆ 1 สัปดาห์ และอีกหนึ่งอย่างคือน้ำที่ใช้ในการรดน้ำถ้าหลีกเลี่ยงน้ำประปาไม่ได้จริงๆควรใช้น้ำที่พักไว้ ประมาณ 2 วัน และที่สำคัญที่สุดคือ การดูแลเอาใจใส่

 

 

abocn-irurs7cuzszn

ประโยชน์ต่างๆของการปลูกผักปลอดสารพิษง่ายๆด้วยตัวเอง

ทุกวันนี้คุณจะรู้หรือไม่ว่า ผักที่เราได้ซื้อมารับประทานหรือนำมาทำเป็นอาหารต่างๆนั้นจะมีที่มาที่ไปอย่างไรเราจะมั่นใจได้อย่างไรว่าคุณภาพในผักที่เราไปซื้อมานั้นจะดีหรือไม่จะเสียเยอะไหมหรือทานเข้าไปจะมีประโยชน์ต่อร่างกายหรือป่าวจะมีสารเคมีที่เป็นอันตรายหลงเหลือภายในผักบ้างไหม เพราะในสมันนี้ไม่เหมือนกับสมัยก่อนในกระบวนการปลูกพืชและผักต่างๆไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของภูมิอากาศ ศัตรูพืช ยิ่งสมัยนี้แล้ว มีการใช้สารเคมีในการกำจัดแมลงต่างๆซึ่งในสารเคมีดังกล่าวเป็นอันตรายต่อร่างกายของผู้บริโภค โดยถ้าผู้บริโภคบริโภคผักพวกนี้ในจำนวนที่มากและเป็นเวลานานหรือต่อเนื่องกัน ก็จะทำให้ร่างกายได้รับการสะสมสารต่างๆและจะทำให้ร่างกายเสื่อมสภาพได้ง่าย ไม่เพียงแต่จะทำให้เกิดพิษต่อผู้บริโภคแล้ว แต่สารเคมีที่ว่ามานี้ยังได้ทำลายสิ่งแวดล้อมต่างๆได้อีกด้วย เช่น ดินและน้ำที่ใช้ในการปลูกผักสารเคมีที่ใช้กำจัดศัตรูพืชนั้น หากใช้อยู่เป็นประจำจะมีการสะสมในที่ที่เราพ่นฉีดสารเคมีลงไป ดินที่ได้รับสารเคมีต่างๆจะทำให้ดินนั้นไม่สมบูรณ์จะมีผลทำให้การเพาะปลูกครั้งต่อไปทำให้พืชไม่โต โตช้า หรืออาจจะทำให้ไม่เจริญงอกงามเลยก็ว่าได้ ส่วนผลกระทบกับน้ำอาจจะทำให้น้ำเน่าเสีย หรือน้ำมีสารเคมีปนเปื้อนก็อาจจะทำให้ใช้ประโยชน์ไม่ได้เช่น การนำน้ำมาอาบน้ำ และอาจจะทำให้สิ่งมีชีวิตที่อยู่ในน้ำนั้นตายได้ เช่น กุ้ง หอย ปู ปลา เป็นต้น

ดังนั้นเรามาเรียนรู้วิธีการปลูกผักปลอดสารพิษกันเลยดีกว่าครับ

1.เริ่มจากการเตรียมดินกันก่อนเลยครับ ดินเราต้องเลือกดินที่มีความอุดมสมบูรณ์ มีธาตุอาหาร และยังต้องมีค่า pH ของดินอีกด้วย

  1. การใช้ปุ๋ยหมัก ปุ๋ยชีวภาพจะมีจุลินทรีที่เป็นประโยชน์ต่อดินและพืช แถมยังช่วยลดเศษซากพืชที่เน่าเสีย และเป็นแหล่งของสารอาหารที่ครบถ้วน และปลอดภัย(ราคาถูก)กว่าปุ๋ยเคมี

3.พืชที่จะปลูก พืชในการจะนำมาปลูกนั้นต้องมีความสมบูรณ์และแข็งแรงของต้นกล้าและควรเลือกให้เหมาะสมกับการบริโภคของคนปลูก อีกทั้งรวมไปถึงสถานที่ปลูก เช่น พืชชนิดนี้ชอบแดดมากแดดน้อย เพราะถ้าเราปลูกตามหอพักริมระเบียงตามที่พักต่างๆในหอก็ต้องใส่ใจในเรื่องนี้มากๆแต่ถ้าเป็นสถานที่ใหญ่ๆหรือสถานที่ที่มีไวเพาะปลูกอยู่แล้วก็จะไม่เป็นอุปสรรคมากในเรื่องนี้

4.การปลูกพืชในกระบะ การปลูกในกระบะนั้นมีข้อดีในเรื่องของ ศัตรูพืช การดูแลที่ง่ายกว่าและถ้าปลูกในที่ที่มีสถานที่น้อยแต่อยากได้พืชหลายชนิดก็สามารถปลูกพืชหลายๆอย่างได้ในแต่ละกระบะที่มี

5.การลดน้ำ ข้อนี้ไม่อยากเลยครับเพียงแค่ลดน้ำในปริมาณที่เหมาะสมอย่างสม่ำเสมอแค่นี้ก็พอ

เพียงเท่านี้เราก็สามารถปลูกพืชผักปลอดสารพิษทานเองได้อย่างมั่นใจละสดใหม่อยู่เสมอแถมยังลดรายจ่ายได้ดีเลยทีเดียว